วิชิตไม่ใช่เชฟ ไม่ใช่ดารา แต่เป็นศิลปินที่ชื่อวิชิต นงนวล ทำงานศิลปะอย่างต่อเนื่องมา 24 ปีแล้วจากแรงบันดาลใจส่วนใหญ่ที่มักได้มาจากแฟชั่น วิชิตมีร้านขายงานศิลปะอยู่ที่จตุจักรและรับจ้างอิสระ ทำงานตกแต่งภายในให้กับโรงแรมขนาดกลางและบ้านพักอาศัยหลายแห่ง เขาเป็นผู้ชายที่ชอบใส่เสื้อผ้าแบรนด์กอม (Comme des Garcons) ขั้นสาหัส ซึ่งหนึ่งตู้เสื้อผ้าของวิชิต ได้อุทิศให้กับกอมหมดตู้แล้ว
“ศิลปินไม่จำเป็นต้องวาดรูปอย่างเดียวนิ”
ก็คงจริงอย่างที่วิชิตบอกนั่นล่ะ เลยไม่แปลกถ้าจะเห็นเขากำลังยืนจัดดอกไม้สีขาวบนโต๊ะกินข้าวตัดสลับกับเดินไปเตรียมผสมสีสำหรับขึ้นงานชิ้นใหม่ ซึ่งไอ้การที่เขาตัดๆ ปักๆ ดอกไม้อยู่นี่ ก็ไม่ใช่แค่สร้างบรรยากาศให้มันสวยเพื่อการถ่ายภาพนะ แต่วิชิตอยู่แบบนี้จริงๆ แถมเขายังไปหาความรู้เพิ่มด้วยการลงเรียนจัดดอกไม้ที่โรงเรียนสอนจัดดอกไม้ญี่ปุ่นเป็นเรื่องเป็นราว บ้านของวิชิตเป็นทั้งที่อยู่อาศัย สตูดิโอ และแกลเลอรี่ ซึ่งมักจะมีลูกค้าต่างชาติโทรนัดและแวะเวียนมาดูงานที่บ้านของเขาเป็นประจำ รวมทั้งขอให้วิชิตทำอาหารไทยที่ไม่ใช่ต้มยำกุ้งหรือต้มข่าไก่ให้กิน และนั่นเลยกลายเป็นธรรมเนียมที่เราขอเรียกว่าเป็น ‘โต๊ะอาหารและงานศิลปะ’ ที่เมื่อลูกค้าซึ่งจะเข้ามาดูงานของวิชิตโทรมาแจ้งล่วงหน้าว่าอยากกินอาหาร วิชิตก็จะเตรียมวัตถุดิบล่วงหน้าสำหรับการเข้าครัว ทำกับข้าวกับปลาให้
กินอะไร ?
ปลาทรายทอดขมิ้น แกงเหลืองปลาสำลีใส่สับปะรด ผัดผักกูดกับกากหมู ยำส้มโอผสมด้วยลองกอง มะม่วง และมะพร้าวคั่ว
เรื่องเล่าจากหน้ากระทะ
แม่ของวิชิตเสียตั้งแต่ตอนที่เขาอายุห้าขวบ วิชิตและน้องชายโตมาในบ้านที่มีแต่พ่อซึ่งเป็นคนทำอาหารให้กิน จนวันนึง พ่อซึ่งมีภาระเยอะอยู่แล้ว เลยบังคับให้วิชิตเป็นคนทำอาหาร โดยให้น้องชายเป็นคนคอยหุงข้าวและล้างจาน จนเมื่อวิชิตเข้ามาเรียนในกรุงเทพ ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำอาหาร จนวันนึง เขาเกิดนึกอยากกินอาหารในแบบที่พ่อเคยทำให้กินตอนเด็กๆ ก็เลยกลับมาทำ ซึ่งอาหารบนโต๊ะที่วิชิตทำในมื้อเที่ยงนี้คืออาหารที่พ่อเคยทำให้เขากับน้องกินเมื่อสมัยตอนเด็กๆ สมัยนั้น เวลากินข้าวเย็นของครอบครัวคือหกโมงตรง ทุกคนจะต้องมานั่งล้อมวงกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันในบ้านไม้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ที่ไหน?
บ้านและสตูดิโอในซอกลึกลับย่านพุทธมนฑล ขนาบข้างด้วยโพรงหญ้าและต้นไม้รกขึ้นตามธรรมชาติ มีแปลงสวนครัวอยู่หน้าบ้านซึ่งวิชิตจะมาเก็บไปทำกับข้าว ส่วนโครงเหล็กรูๆ ขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นประตูบ้าน วิชิตเรียกมันว่าเป็นพร็อพ อันถือเป็นส่วนประกอบในงานออกแบบซึ่งเป็นด่านแรกของตัวบ้านที่จะทำให้ลูกค้ายืนยิ้ม หรือไม่ก็เกิดความสงสัยประหลาดใจและตั้งคำถาม “อะไรวะเนี่ย”