เหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนเราไม่เชื่อมั่นในตัวเองก็เพราะเราชอบเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น เทียบอยู่นั่น เทียบจนคนอื่นเขาทดลองเรื่องใหม่กันไปถึงไหนแล้ว เรายังคงนั่งดูถูกตัวเองอยู่ที่เดิมว่า ‘ฉันทำไม่ได้หรอก’
เอ-บีเป็นฝาแฝดพี่น้องที่เคยบ้างานผ้าญี่ปุ่นอยู่พักใหญ่ จนวันหนึ่งก็เริ่มถามตัวเองว่า ทำไมมีของดีอยู่ใกล้ตัวอย่างผ้าไทยแล้ว แต่เรากลับไม่เคยสนใจมันเลย หรืออาจเป็นเพราะมันเชยและแบบที่มีอยู่ในตลาดนั้นก็ยังไม่ตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตของตัวเองสักเท่าไหร่ เอบีจึงคิดการใหญ่ ‘งั้นถ้าเราเอาผ้าไทยมาทำใน way ของเราล่ะ’?
ไม่มีใครทำอะไรเป็นมาตั้งแต่เกิด เอบีก็เช่นกัน ฝาแฝดแทงโก้เริ่มศึกษาผ้าไทยด้วยการเอาผ้าจากชนเผ่าต่างๆมาสร้างงาน ลองผิดลองถูก ทำมั่วๆไปก่อน จนพอถึงช่วงหนึ่งที่ ‘ใครๆก็คราม’ บีก็เลยเอากับเขาด้วย เธอเซิร์จหาข้อมูลอินเทอร์เนตจนเจอว่ามีคอร์สเปิดสอนย้อมครามในหมู่บ้านที่สกลนคร ฝาแฝดเอบีตัดสินใจแพ็คกระเป๋าไปเดี๋ยวนั้นเลย เพื่อไปขออาศัยอยู่กับป้าชาวบ้านในพื้นถิ่นเพราะอยากเรียนย้อมผ้า ซึ่งนอกจากจะเรียนย้อมครามแล้ว พอมีเวลาว่าง ทั้งสองคนยังได้เรียนทอผ้าและแน่นอน พวกเธอฝึกก่อหม้อ
หลังกลับจากสกลนคร วันๆพี่น้องสองศรีก็ไม่ทำอะไรหรอก พวกเธอไปขนซื้อผ้ามาเป็นพับๆ นั่งก่อหม้อย้อมคราม ย้อมประดู่ ย้อมหูกวาง ย้อมมะเกลือ ย้อมมันทั้งวัน จนเล็บเลิบนี่เปลี่ยนสีไปหมดแล้ว โดยหนึ่งสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันที่พวกเธอไม่เคยขาดเลยคือเสียงเพลง ที่หลายเพลงทั้งเก่าและใหม่ก็ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงานคอลเลคชั่นต่างๆของพวกเธอ ไม่ว่าจะคอลเลคชั่นในยุคแรกๆที่ได้ไอเดียมาจากเพลง Diamonds and gold หรือ Sing me a rainbow ของ Tom waits กับเสื้อใส่ออกกำลังกายสบายๆเจ็ดสี ที่ถามว่ามีคนซื้อไหม?
.. ไม่มีเลย คนไม่เก็ต ..แต่การไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากแฟนไอจีหรือคนซื้อ ก็ไม่ได้ทำให้เอบีคอตกหรือเกิดความไม่มั่นใจในทิศทางของตัวเองเพราะ ‘การทำเพราะอยากทำ’ กับ ‘ทำเพราะคาดหวัง’ มันไม่เหมือนกัน
“ตอนนั้นเราแค่คิดว่าทำไปเถอะ ทำไปก่อน เดี๋ยวก็เจอทางของมันเอง” เอบีบอกแบบนั้น
จนวันดีคืนดี เอบีนึกอยากทำงานปักผ้าขึ้นมา แต่ประเด็นคือกะอีแค่จะร้อยด้ายเข้าเข็ม สองสาวยังแทบจะร้อยไม่ตรงรูเลย พวกเธอจึงมองหาลูกจ้างที่จะมาช่วยปักงานให้ แต่มองหายังไงก็ไม่เจอที่ถูกใจเสียที ในที่สุด พี่น้องมองตากันเป็นอันเข้าใจ
‘ปักเองก็ได้วะ’เอบีเข้ากูเกิล เซิร์จหาจนเจอครูสอนปักผ้า พวกเธอไปเรียนปักผ้าตั้งแต่คอร์สเบสิกไปจนคอร์สที่จบแล้วพร้อมประกอบอาชีพได้ แต่การที่คนเราเรียนปักผ้ามาหลายคอร์สขนาดนี้ ก็อย่าคาดหวังว่าพวกเธอจะต้องโปร เพราะเอบีว่า’ไปเรียน 10 ได้มาแค่ 5 เท่านั้นละ ที่เหลือคืนครูหมด’ แต่พวกเธอก็ฝึกมือในส่วนที่ได้มาแค่ 5 นั่นละซ้ำๆ จนรู้จักมันเป็นอย่างดี และเกิดเป็นสไตล์งานปักในแบบของพวกเธอที่ไม่ได้เนี้ยบ ไม่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเธอกลับรู้สึกพอใจกับมัน โดยงานในคอลเลคชั่น FRIDA ล่าสุดของเอบี ก็ยังเป็นการทำงานในรูปแบบเดิมคือแบ่งหน้าที่กันชัดเจน คนหนึ่งอิมโพรไวส์วาดสด อีกคนก็ปักไปตามความรู้สึก แต่ FRIDA ของเอบีจะไม่เหมือนอย่างในหนังหรือภาพถ่ายสารคดีที่เราเคยเห็น เพราะเอบีไม่ได้มองแค่รูปลักษณ์ภายนอกของ FRIDA ที่ต้องมีดอกไม้แดงประดับอยู่บนศรีษะเสมอไป แต่พวกเธอมองลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ของนักต่อสู้เพศหญิงที่หัวใจของ FRIDA ช่างแข็งแกร่ง ไม่ต่างอะไรกับความแข็งแรงในมวลเหล็กที่ดามเธออยู่
“ในช่วงที่เราค้นหาตัวเองกับงานผ้า เราสองคนก็ถามตัวเองนะว่า เราทำอะไรกันเป็นบ้าง วาดภาพเหรอ ก็วาดไม่ค่อยสวย ปักผ้าเหรอ ก็ทำไม่เป็น พิมพ์ผ้าเหรอ ก็ทำไม่ได้ คือพอถามอะไรตัวเอง เราก็รู้สึกว่าเราทำไม่ได้ไปหมด เพราะเรามัวแต่เอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น แต่เอาเข้าจริงๆไอ้คำว่า’ไม่ได้’ นี่ละที่โคตรจะดูถูกตัวเองเลย”
บ่ายวันนั้นที่บ้านเอบี ฉันร่วมโต๊ะนั่งกินข้าวกับพวกเธอโดยมีเสียงเพลงจากแผ่นและแก็งค์ FRIDA นั่งๆยืนๆชะเง้อแอบมองอยู่ล้อมรอบ ฉันไม่แปลกใจในชื่อแบรนด์ IT TAKES TWO TO TANGO ของเอบีเลย เพราะจังหวะการใช้ชีวิตและงานทำมือของฝาแฝดคู่นี้ มันคงจะขาดใครคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้จริงๆ สเต็ปการเต้นของพวกเธออาจมีขาดๆเกินๆบ้าง แต่มันก็เป็นธรรมดาของชีวิต มนุษย์ต่างมีจังหวะการเต้นของเราเอง ไม่เห็นต้องเทียบกับใคร
365 love note
: สนใจติดตามงานปักผ้าตามเสียงเพลงของพวกเธอให้ไปที่ IG it_takes_two_to_tango_bkk
: ทุกคอลเลคชั่นของเอบีที่ออกมา ไม่มีการทำซ้ำ ขายหมดแล้วหมดเลย ฉะนั้นใครกำลังอ่านอยู่และสนใจคอลเลคชั่นฟรีดา เราไม่รับประกันว่าจะหมดไปแล้วหรือยัง